โรงเรียนวัดช่องลาภ(โชคลาภประชาพัฒนา)
หน้าแรก
ข้อมูลโรงเรียน
บุคลากร
ข้อมูลนักเรียน
อาคารสถานที่
ประชาสัมพันธ์โรงเรียน
ข่าวประชาสัมพันธ์ โรงเรียนวัดช่องลาภ(โชคลาภประชาพัฒนา)
กิจกรรมโรงเรียน
คลิปกิจกรรม
นานาสาระ
ติดต่อเรา
เว็บบอร์ด
วันที่ 20 มีนาคม 2023 8:28 PM
ยินดีต้อนรับเข้าสู่เว็บไซต์ โรงเรียนวัดช่องลาภ(โชคลาภประชาพัฒนา)
หน้าแรก
ข้อมูลโรงเรียน
บุคลากร
ข้อมูลนักเรียน
อาคารสถานที่
ประชาสัมพันธ์โรงเรียน
ข่าวประชาสัมพันธ์ โรงเรียนวัดช่องลาภ(โชคลาภประชาพัฒนา)
กิจกรรมโรงเรียน
คลิปกิจกรรม
นานาสาระ
ติดต่อเรา
เว็บบอร์ด
โรงเรียนวัดช่องลาภ(โชคลาภประชาพัฒนา)
เว็บบอร์ด
หน้าแรก
ช่วยเหลือ
ค้นหา
เข้าสู่ระบบ
สมัครสมาชิก
เพื่อนที่ดีที่สุด
เว็บบอร์ด
WEBBOARD
ห้องนั่งเล่น
เพื่อนที่ดีที่สุด
« หน้าที่แล้ว
ต่อไป »
พิมพ์
หน้า: [
1
]
เพื่อนที่ดีที่สุด
0 ตอบ
913 อ่าน
cappyanime
2
เพื่อนที่ดีที่สุด
«
เมื่อ:
พฤศจิกายน 06, 2020, 12:03:48 AM »
เพื่อนที่ดีที่สุด
คนที่ยังไม่ได้สละสถานะทางโลกไปใช้ชีวิตคนเดียวได้อย่างนักพรตหรือนักบวชสายป่า ย่อมไม่มีใครต้องการหลีกหนีไปจากหมู่คณะหรือหลีกหนีไปจากสังคม ความที่เรายังต้องอยู่ในสังคม เราจึงยังมีความจำเป็นที่จะต้องเลี้ยงชีวิตและเลี้ยงครอบครัว โลกเราถึงมีศาสนาเป็นที่พึ่งที่ยึดเหนี่ยวทางใจของคน เพราะคนมีต้องการพื้นฐานคือต้องการมีที่พึ่งทั้งทางกายและทางใจ คนที่อ่อนแอก็ยิ่งต้องการที่พึ่งทั้งทางกายและทางใจ คนที่เข้มแข็งทางกายแล้วชีวิตเขาสามารถพึ่งตนเองได้แต่ลึกๆแล้วเขายังคงต้องการที่พึ่งทางใจอยู่
ชีวิตที่หลงทางทาง คนที่สำเร็จในชีวิตมักจะเป็นคนที่มีเพื่อนดี เพื่อนดีคือเพื่อนที่เป็นที่พึ่งให้เพื่อนได้ทั้งทางกาย คือการช่วยเหลือเกื้อกูลและการแบ่งปันให้แก่เพื่อนในปัจจัยสี่ ส่วนการช่วยเหลือทางใจคือการให้กำลังใจเป็นหลักเป็นจุดยืนให้เพื่อนนำไปเป็นแรงบันดาลใจหรือสร้างพลังใจขึ้นมาได้ คนที่เข้มแข็งคนที่มีจุดยืนคนที่เคารพตัวเองได้เท่านั้นจึงจะเป็นเพื่อนที่สามารถเป็นที่พึ่งทางใจให้แก่คนอื่นได้ แต่มีน้อยคนนักที่มีความเข้มแข็งที่พอจะเป็นที่พึ่งของตนเองและแก่คนอื่นทั้งกายและใจ
ผมเป็นคนหนึ่งที่เห็นคุณค่าของการมีเพื่อนที่ดีของการมีกัลยาณมิตร ผมเป็นคนที่ผ่านประสบการณ์เลวร้ายในขีวิตมามาก สาเหตุเพราะผมเป็นคนที่มีใจไม่มั่นคงในความตั้งใจที่ดีของตนเอง ความตั้งใจดีของผมมักจะถูกทำให้ล้มเหลวและหลงทางไปด้วยความโกธร, ความโลภและที่มันร้ายกาจที่สุดหรือความหลง ทั้งหมดคือกิเลสของผม กิเลสของแต่ละคนถ้ามีมากมันสามารถทำลายชีวิตคนได้ถ้าคนตกเป็นทาสของมัน เมื่อชีวิตผมเดินมาถึงทางตันจิตใจผมก็ตกจนต้องการที่พึ่งจากใครสักคน ผมพยายามติดต่อขอความช่วยเหลือจากคนที่ผมเคยคิดว่าเขาเป็นเพื่อนหรือเคยเป็นเพื่อน แต่ผมก็ได้รับเพียงคำปลอบใจแบบขอไปทีและไม่ใส่ใจที่จะให้ความช่วยเหลือ
เพื่อนบางคนก็ไม่อยู่ในสถานะที่มีกำลังที่จะช่วยทางกายได้ แต่เขาก็ยังรับฟังและให้คำปลอบใจและกำลังใจผม แต่บางครั้งการพูดคุยกันมากเกินไปมันกลับกลายเป็นการคร่ำครวญ เขากลับเอาปัญหาของเขามาระบายใส่เราด้วยทำให้กลายเป็นต่างคนต่างเพิ่มความทุกข์ให้แก่กัน ประสบการณ์แบบนี้สอนผมว่าจะต้องไม่ไปคร่ำครวญหรือไประบายเรื่องของเราให้ใครฟังอีกต่อไป เพราะมันไม่ทำให้อะไรดีขึ้นความจริงของโลกคือคนเรารักตัวเองมากที่สุด
เพื่อนที่ดีก็ยังมีอยู่ โชคยังดีที่ผมนึกถึงเพื่อนเก่าของผมคนหนึ่งที่ขาดการติดต่อกันมานาน เขากลับพร้อมที่จะช่วยเหลือผมเท่าที่เขาจะช่วยได้ เขาให้ผมยืมเงินให้ที่พักและแนะนำหนทางออกในชีวิตให้อย่างเป็นรูปธรรม แม้ว่าตัวเขาเองก็ประสบปัญหาส่วนตัวมากมายทั้งปัญหาภายในครอบครัว, ปัญหากับญาติพี่น้อง, ปัญหาทางธุรกิจ คนเราจะรู้ว่าใครเป็นเพื่อนแท้ก็ในยามที่ชีวิตของเราตกต่ำถึงขีดสุด แต่ในที่สุดผมก็ต้องเป็นคนถอยห่างออกมาเพราะการที่ผมไปขอพักอาศัยอยู่ที่บ้านเขาสร้างความไม่พอใจให้กับเมียเขาทำให้เขามีปัญหาภายในครอบครัวมากขึ้นอีก ผมไม่อยากให้ตัวผมเป็นสาเหตุให้ชีวิตครอบครัวของเพื่อนผมต้องพังลง แม้ว่าผมจะย้ายออกมาจากบ้านเขาแล้วแต่เราก็ยังเป็นเพื่อนที่ดีต่อกันและพร้อมช่วยเหลือกันเท่าที่จะมีกำลังช่วยกันได้
เพื่อนที่ดีที่สุดคือสติของตัวเราเอง ในยามที่ชีวิตผมตกต่ำที่สุดผมพยายามคิดหาที่พึ่งทางใจโดยที่ไม่ต้องไปพึ่งคนอื่น ผมนึกถึงคุณปู่คุณย่าคุณพ่อคุญแม่ของผมที่ท่านเสียไปแล้ว ผมนึกถึงพระผู้ใหญ่ที่ผมศรัทธานับถืออย่างสมเด็จพระพุฒาจารย์ (โต), ท่านพุทธทาส, ท่านปัญญานันทะ, สมเด็จพระสังฆราชพระองค์ก่อนที่ล่วงลับไปแล้ว บางครั้งผมก็นึกถึงเสด็จพ่อรัชกาลที่ 5 บ้าง นึกถึงพระเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ 9 บ้างเป็นที่พึ่ง ภายหลังผมมีโอกาสได้ฟังหลวงพ่อไพศาล วิสาโล ท่านสอนทางยูทูปเกี่ยวกับเรื่องการเจริญสติ
ผมเริ่มเห็นความจริงและทางออกของชีวิตผม ผมเริ่มจะเข้าใจว่าสิ่งต่างๆที่ได้เกิดกับชีวิตผม มันมีเหตุปัจจัยของมันที่ทำให้เป็นไป เหตุปัจจัยนั้นอาจมาจากกรรมเก่าหรือมาจากการกระทำของเราเองทำให้มันเกิดขึ้น เรายังต้องมีชีวิตอยู่เราจะอยู่กับมันได้อย่างไรโดยไม่เป็นทุกข์มากนัก แน่นอนมันเป็นไปไม่ได้หรอกที่จะไม่ทุกข์เลยแต่ทำอย่างไรที่จะรู้ว่ามันมี ท่านสอนให้รู้เฉยๆ ท่านใช้คำว่ารู้อย่างซื่อๆ ไม่ว่าจะมีอะไรมากระทบกับเราทางตา, หู, จมูก, ลิ้น, กายและใจ จะมีความรู้สึกอะไรก็ให้รู้ว่ามันมากระทบเมื่อมีอะไรมากระทบแล้วใจเกิดความรู้สึกอะไรก็แล้วแต่ แค่ให้รู้ว่ามันเกิดไม่ต้องไปกดข่มไม่ต้องไปผลักไส เพราะมันเป็นธรรมชาติของจิตที่จะปรุงแต่งอยู่แล้ว มันคือสิ่งที่จรเข้ามาเพราะเหตุปัจจัยเมื่อหมดเหตุปัจจัยแล้วมันก็ไป
สิ่งที่จะมากำกับจิตให้จิตรู้ก็คือสตินั่นเอง สติจะเป็นตัวกำหนดความเป็นไปของกายและใจ สิ่งที่เกิดขึ้นในชีวิตไม่ว่าจะดีหรือร้าย การที่จะไปอ้อนวอนขอสิ่งศักดิ์สิทธิ์ให้ได้รับแต่สิ่งที่ดีอย่าให้มีสิ่งร้ายเข้ามาในชีวิตเลยเป็นไปไม่ได้และไม่ใช่พุทธศาสนา พุทธศาสนาสอนให้ยอมรับและรับได้กับทุกสิ่งทุกอย่างที่จะเข้ามาโดยใช้สติเป็นตัวกำหนดรู้ ยกตัวอย่าง ถ้าร่างกายเจ็บป่วยสติจะกำกับให้เราเป็นผู้รู้เป็นผู้เห็นว่ากายนี้เจ็บกายนี้ป่วยแต่เราไม่ใช่ผู้เจ็บผู้ป่วย คือท่านใช้คำว่าเห็นแต่ไม่เข้าไปเป็น เมื่อมีอะไรมากระทบให้ใจเราเกิดความรู้สึกใดๆ เราก็ไม่ต้องไปกดข่มผลักไสแต่เราแค่รู้ว่ามันเกิดขึ้นแล้วนะ เมื่อเกิดขึ้นแล้วมันก็จะดับไปของมันเอง ขณะนี้ผมรู้แล้วว่าเพื่อนที่ดีที่สุดของผมคือสตินั่นเอง
เราเป็นเพื่อนที่ดีที่สุดของตนเองและแบ่งปันให้คนอื่น วันนี้ผมจึงมีชีวิตอยู่ด้วยการเจริญสติ ใช้สติกำกับติดตามการเป็นไปของกายและใจให้ได้ตลอดเวลาไม่ว่าจะทำอะไรอยู่ อย่างเช่น รู้ว่ากำลังพิมพ์งานอยู่บนแป้นคอมพิวเตอร์ รู้ความรู้สึกของนิ้วมือที่กดลงบนแป้นพิมพ์ เวลาเกิดเวทนาขึ้นกับร่างกายไม่ว่าจะสุขหรือทุกข์ก็ให้รู้ เวลาจิตปรุงแต่งให้เกิดความอยาก เกิดความโกธร เกิดความเศร้า ก็ให้รู้ว่ามันเกิดขึ้นแล้ว พอรู้แล้วมันก็จะดับของมันไปเอง สติทำให้ตัวผมเองนี่แหละที่เป็นเพื่อนที่ดีที่สุดของตนเอง
และตั้งใจว่าจะดำเนินชีวิตต่อไปตามสถานะที่เป็นอยู่และพร้อมจะรับทุกสิ่งทุกอย่างที่จะเข้ามา และตั้งใจว่าถ้ามีโอกาส ก็จะแบ่งปันเรื่องการเปลี่ยนแปลงวิธีการดำเนินชีวิตแบบนี้ให้ผู้อื่นได้รับรู้หากจะเป็นประโยชน์แก่เขา
โรงเรียนวัดช่องลาภ
บันทึกการเข้า
พิมพ์
หน้า: [
1
]
« หน้าที่แล้ว
ต่อไป »
Copyright © 2020 โรงเรียนวัดช่องลาภ(โชคลาภประชาพัฒนา) All Right Reserved.